วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

บทที่ 2 ข้อมูล สารสนเทศ และการจัดการ




ข้อมูลและสารสนเทศ
     1.) ข้อมูล (Data)
              หมายถึง ข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นหรือมีลักษณะหลายอย่างผสมผสานเข้าด้วยกัน
     2.) สารสนเทศ (Information)
              หมายถึง ข้อมูลต่างๆ ที่ผ่านการประมวลผลแล้ว ซึ่งถูกต้องแม่นยำและตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน
     3.) ลักษณะของข้อมูลที่ดี
              ข้อมูลที่ดีจะต้องเป็นข้อมูลที่มีคุณภาพ มีความสมบรูณ์ในระดับที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน โดยข้อมูลที่ดีควรมีลักษณะดังนี้
              - มีความถูกต้องแม่นยำ
              - มีความสมบรูณ์ครบถ้วน
              - ถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นปัจจุบัน
              - ความสอดคล้องของข้อมูล
     4.) ชนิดและลักษณะของข้อมูล
           ข้อมูลที่ใช้ในการประมวลผลแบ่งออกเป็ 2 ชนิด ได้แก่
               1.) ข้อมูลที่เป็นตัวเลข (Numeric data) คือ ข้อมูลที่ใช้แทนจำนวนที่สามารถนำไปคำนวณได้
              ซึ่งเขียนได้หลายรูปแบบ คือ
                       - เลขจำนวนเต็ม คือ ตัวเลขที่ไม่มีจุดทศนิยม
                       - เลขทศนิยม คือ ตัวเลขที่มีจุดมศนิยม ซึ่งอาจมีค่าเป็นจำนวนเต็ม หรือจำนวนที่มีเศษ
                 เป็นทศนิยมก็ได้ เลขทศนิยมแบบนี้สามารถเขียนได้ 2 แบบ คือ
                          1.) แบบที่ใช้ทั่งไป
                          2.) แบบที่ใช้งานวิทาศาสตร์ หรือสัญกรณ์วิทยาศาสตร์






            2.) ข้อมูลที่เป็นตัวอักขระ (Character data)
          คือ ข้อมูลที่เป็นตัวอักษรและไม่สามารถนำไปคำนวณได้ แต่นำมาเรียงต่อกันให้มีความหมายได้
     5.) ประเภทของข้อมูล
              สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆได้ ดังนี้
              - ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary data) คือ ข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมหรือบันทึกจากแหล่งข้อมูล
           โดยตรง ซึ่งไม่ได้คัดลอกจากบุคคลอื่น ข้อมูลที่ได้จะมีความถูกต้อง ทันสมัย และเป็นปัจจุบัน
           มากกว่าข้อมูลทุติยภูมิ
              - ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary data) คือ ข้อมูลที่มีผู้รวบรวมหรือเรียบเรียงไว้แล้ว ซึ่งเป็นข้อมูล
           สารสนเทศที่สามารถนำมาใช้อ้างอิงได้

กระบวนการจัดการสารสนเทศ
     สามารถแบ่งออกเป็น 4 ปะเภทใหญ่ๆ คือ
          1.) การรวบรวมและตรวจสอบข้อมูล
                  - การรวบรวมข้อมูล เป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินงาน ซึ่งใช้เทคโนโลยีช่วยในการจัดเก็บ              
               ข้อมูล
                  - การตรวจสอบข้อมูล เมื่อมีการรวบรวมข้อมูล ก็จำเป็นต้องมีการตรวจสอบข้อมูลเพื่อความ
               ถูกต้อง ซึ่งหากพบความผิดพลาดก็ต้องแก้ไขโดยอาจใช้สายตาของมนุษย์หรือใช้
               คอมพิวเตอร์ช่วยตรวจสอบ
          2.) การประมวลผลข้อมูล
                  - การจัดกลุ่มข้อมูล ข้อมุลที่จัดเก็บควรจัดกลุ่มเป็นหมวดหมู่ที่ชัดเจน เพื่อเตรียมไว้สำหรับ
               การใช้งานต่อไป
                  - การจัดเรียงข้อมูล เมื่อจัดกลุ่มเป็นหมวดหมู่แล้ว ก็ควรจักเรียงข้อมูลที่มีความสำคัญตาม
               ลำดับตัวเลขหรืออักขระ เพื่อสะดวกและประหยัดเวลาในการค้นหาข้อมูล
                  - การสรุปผลข้อมูล หลังจากจัดเรียงลำดับความสำคัญของข้อมูลต่างๆ แล้ว ก็ควรสรุปข้อมูล
               เหล่านั้นให้กระชับและได้ใจความสำคัญ เพื่อรอการนำไปใช้ประโยขน์ต่อไป
          3.) การจัดเก็บและดูแลรักษาข้อมูล
                 ประกอบด้วยขั้นตอน ดังนี้
                  - การเก็บรักษาข้อมูล การนำข้อมูลที่ประมวลผลแล้วมาบันทึกเก็บไว้ในสื่อบันทึก
               ข้อมูลต่างๆ
                  - การทำสำเนาข้อมูล การคัดลอกข้อมูลจากต้นฉบับเพื่อเก็บรักษา หากข้อมูลต้นฉบับ
               เสียหาย ก็สามารถนำข้อมูลที่สำเนาไว้มาใช้ได้ในทันที
          4.) การแสดงผลข้อมูล
                  - การสื่อสารและเผยแพร่ข้อมูล เป็นเรื่องสำคัญและมีบมบามอย่างมาก เพราะหากได้รับ
               ข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็วและทันเวลา ผู้ใช้งานก็สามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ได้เต็ม
               ศักยภาพ ทั้งนี้การสื่อสารและเผยแพร่ข้อมูลก็จะต้องมีประสิทธิภาพด้วย
                  - การปรับปรุงข้อมูล หลังจากที่ได้เผยแพร่ข้อมูลไปแล้ว ก็ควรมีการติดตามผลตอบกลับ
               (Feedback) เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับปรุงแก้ไขให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลาและควรจักเก็บ
               อย่างเป็นระบบเพื่อง่ายต่อการใช้งาน

ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์
      1.) ระบบเลขฐานสอง
              การสื่อสารกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บข้อมูลหรือการสั่งงานจะต้องอาศัยระบบ เลขฐานสอง เนื่องจากคอมพิวเตอร์ทำงานด้วยสัญญาณไฟฟ้าโดยแทนตัวเลข 0 และ 1 โดยแต่ละหลักจะเรียกว่า "บิต" (Binary digit : Bit) และเมื่อนำตัวเลขหลายๆบิตมาเรียงต่อกัน [8บิต(Bit)  = 1 ไบต์(Byte)]
จะใช้สร้างรหัสแทนจำนวน อักขระ สัญลักษณ์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้





      2.) รหัสแทนข้อมูล
              เพื่อให้การแลกเปลี่ยนข้อความระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์เป็นไปในแนวเดียวกัน จึงมีการกำหนดมาตรฐานรหัสแทนข้อมูลในระบบเลขฐานสองขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
              - รหัสแอสกี (American standard code information interchange : ASCII)
                      เป็นรหัสแทนข้อมูลด้วยเลขฐานสองจำนวน 8 บิต หรือ 1 ไบต์ แทนอักขระหรือสัญลักษณ์
              แต่ล่ะตัว ซึ่งหมายความว่าการแทนอักขระแต่ละตัวจะประกอบด้วยตัวเลขฐานสอง 8 บิตเรียงกัน



              - รหัสยูนิโค้ด (Unicode) เป็นรหัสแทนข้อมูลด้วยตัวเลขฐานสองจำนวน 16 บิต เนื่องจาก
              ตัวอักษรบางประเภทเป็นตัวอักษรแบบรูปภาพ



      3.) การจัดการข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์
              ในการจัดเก็บข้อมูลไว้ในสื่อบันทึกต่างๆ จะต้องกำหนดนูปแบบหรือโครงสร้างของข้อมูล เพื่อให้ผู้ใช้งานและคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ตรงกัน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
              - บิต (Bit) คือ ตัวเลขหลักใดหลักหนึ่งในระบบเลขฐานสอง (0 กับ 1) ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุด
            ของข้อมูล
              - ตัวอักขระ (Character) คือ ตัวเลข ตัวอักษร หรือเครื่องหมายใดๆ โดยตัวอักขระแต่ละตัวจะใช้
            เลขฐานสองจำนวน 8 บิต หรือ 1 ไบต์ ในการแทนข้อมูล
              - เขตข้อมูล(Field)  คือ ข้อมูลที่เป็นตัวอักขระเรียงต่อกัน เพื่อแทนความหมายใด
            ความหมายหนึ่ง
              - ระเบียบข้อมูล (Record) คือ กลุ่มของเขตข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องกัน ตั้งแต่ 1 เขตข้อมูล
            ขึ้นไป
              - แฟ้มข้อมูล (File) คือ กลุ่มของระเบียนข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กัน ตั้งแต่หนึ่งระเบียนขึ้นไป
              - ฐานข้อมูล (Database) เป็นที่รวบรวมแฟ้มข้อมูลหลายๆ แฟ้มเข้าด้วยกัน ซึ่งจะต้องมัความ
            สัมพันธ์กันโดยใช้ข้อมูลที่เหมือนกันเป็นตัวเชื่อมระหว่างกัน

จริยธรรมในการใช้ข้อมูล
     ประเด็นต่างๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับจริยธรรมในการใช้ข้อมูล มีดังนี้
         1.) ความเป็นส่วนตัว (Privacy)
                  ก่อนที่จะเผยแพร่ข้อมูลทุกครั้งต้องคำนึงถึงข้อมูลที่มีความเป็นส่วนตัวสูง หากข้อมูลเหล่านี้
               ถูกพวกมิจฉาชีพนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ก็จะสร้างความเดือดร้อนให้แก่เจ้าของข้อมูล
         2.) ความถูกต้อง (Accuracy)
                  ก่อนที่จะเผยแพร่ข้อมูลใดๆ ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลนั้นเสียก่อน เพราะถ้าผู้รับ
               ข้อมูลที่ผิด ฏ้ไม่สามรถนำข้อมูลนั้นไปใช้ประโยชน์อะไรได้เลย ซึ่งจะทำให้เสียเวลาในการ
               ค้นหาใหม่
         3.) ความเป็นเจ้าของ (Property)
                  การละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพยฝืสินทางปัญญา จะทำให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจต่อเจ้า
               ของข้อมูล ผู้ใช้จึงควรระมัดระวังในการนำข้อมูลต่างๆ มาใช้งาน ว่าได้รับอนุญาตจากเจ้าของ
               ข้อมูลหรือไม่ ซึ่งหากละเมิดลิขสิทธิ์ก็จะมีความผิดทางกฏหมาย
         4.) การเข้าถึงข้อมูล (Accessibility)
                  การใช้งานคอมพิวเตอร์มักมีการกำหนดสิทธิตามระดับผู้ใช้ ก็เพื่อป้องกันและรักาาความลับ
               ของข้อมูล ซึ่งการเข้าถึงข้อมูลของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือว่าเป็นการผิดจริยธรรม
               เช่นเดียวกับการละเมิดข้อมูลส่วนตัว





                                                      .......................................................................................................................




คำถาม
1.ลักษณะของข้อมูลที่ดีควรเป็นอย่างไร ?

วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556

บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร







1.1 ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
    เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประกอบด้วยคำสามคำ คือ
       -เทคโนโลยี
       -สารสนเทศ
       -การสื่อสาร

เทคโนโลยี (technology)
     การนำความรู้หรือวิทยาการทางวิทยาศาสตร์ มาประยุกต์ในการพัฒนาเครื่องมือ เครื่องจักร วัสดุ

สารสนเทศ (information)
     ข้อมูล ข้อเท็จจริง ความคิดเห็น หรือประสบการณ์ต่างๆ ที่ผ่านกระบวนการประมวลผลอย่างมีระบบ ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้

การสื่อสาร (communication)
     การส่งข้อมูลข่าวสารโดยอาศัยสื่อเป็นตัวกลาง จากบุคคลหนึ่งหรือสถานที่หนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งหรืออีกสถานที่หนึ่ง




เทคโนโลยีสารสนเทศ
     เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology: IT) หมายถึง การนำความรู้หรือวิทยาการทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ทางด้านเทคโนโลยี


เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
     เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technology: ICT)
คือ การนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีการสื่อสารและโทรคมนาคม





1.2 ระบบสารสนเทศ
      ระบบสารสนเทศ (Information system) เป็นระบบที่ช่วยในการรวบรวม จัดเก็บ และจัดการกับข้อมูลต่างๆ อย่างเป็นระบบ ประกอบด้วย 5 ส่วน คือ






1) ฮาร์ดแวร์
      ฮาร์ดแวร์ (hardware) เป็นเครื่องมือที่ใช้จัดการกับสารสนเทศ ทั้งที่เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ซึ่งนับว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของระบบสารสนเทศ เนื่องจากสามารถทำงานได้รวดเร็ว แม่นยำ และทำงานได้อย่างต่อเนื่อง เช่น







2) ซอฟต์แวร์
     ซอฟต์แวร์ (software) เป็นโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่สั่งการให้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ
ทำงานตามคำสั่งของผู้ใช้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

     -ซอฟต์แวร์ระบบ
         ซอฟต์แวร์ระบบ (system software) เป็นชุดคำสั่งที่มีหน้าที่ควบคุมการทำงานอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ทั้งหมดภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ ตัวอย่างซอฟต์แวร์ระบบ
                 

                                        

     -ซอฟต์แวร์ประยุกต์
          ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (application software) เป็นชุดคำสั่งที่เขียนขึ้นเพื่อประยุกต์ใช้กับงานตามความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน ตัวอย่างซอฟต์แวร์ประยุกต์
                                        
3) ข้อมูล
     ข้อมูล (data) ข้อมูลที่ดีจะต้องมีความสมบูรณ์ ถูกต้อง แม่นยำ และเชื่อถือได้ โดยจะถูกรวบรวมและป้อนเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยอุปกรณ์รับข้อมูลต่างๆ เช่น เมาส์ คีย์บอร์ด สแกนเนอร์ ไมโครโฟน เป็นต้น


  
                                      
4) บุคลากร
     บุคลากร (people) จะต้องมีความรู้และความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เกิดประโยชน์ โดยแบ่งออกเป็นผู้พัฒนาและผู้ใช้ระบบสารสนเทศ (user)

                                    
5) ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
     ขั้นตอนการปฏิบัติงาน (procedure) ผู้ใช้งานจะต้องปฏิบัติตามระเบียบและวิธีการปฏิบัติตามคู่มือการปฏิบัติงาน (user manual) อย่างเคร่งครัด
                                         
    

      ส่วนประกอบทั้งห้านี้ล้วนมีความสำคัญ หากขาดส่วนประกอบใดหรือส่วนประกอบใดไม่สมบูรณ์ ก็อาจทำให้ระบบสารสนเทศนั้นขาดความสมบูรณ์ได้



1.3 ประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

1) ด้านการศึกษา
      ใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารงานการศึกษาเพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ

                               
2) ด้านการจัดเก็บรวบรวมข้อมูล
       ข้อมูลจำนวนมากได้ถูกรวบรวมและบันทึกไว้ในรูปของสื่อบันทึกข้อมูลประเภทต่างๆ

                          
3) ด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม
        การสื่อสารแบบไร้สายเข้ามามีส่วนสำคัญต่อการใช้ชีวิตของผู้คนในสังคมที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว
                          


4) ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
       การวิจัยและการทดลองทางด้านวิทยาศาสตร์ล้วนแล้วแต่ต้องใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทั้งสิ้น
                            
                              


5) ด้านความบันเทิง
         รูปแบบการนำเสนอที่ตอบสนองความต้องการทั้งภาพและเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพประกอบการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศต่างๆ จึงทำให้ได้รับความนิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลาย เช่น การชมโทรทัศน์ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต การชมภาพยนตร์ผ่านระบบเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น


     นอกจากประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่กล่าวมานั้น ยังมีประโยชน์ด้านอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ด้านสิ่งพิมพ์ ด้านการเงินการธนาคาร ด้านการแพทย์และสาธารณสุข เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการนำมาปรับใช้ให้เป็นไปตามหลักคุณธรรมและจริยธรรม


1.4   แนวโน้มการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
-       เทคโนโลยีแบบไร้สายทำให้การติดต่อสื่อสารระหว่างกันมีความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
-       มีการใช้ระบบเสมือนจริงผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น
-       อุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะมีขนาดกะทัดรัดและราคาถูก
-       การวางแผน การคิดวิเคราะห์ และการตัดสินใจของมนุษย์จะถูกแทนที่โดยคอมพิวเตอร์ซึ่งจะเป็นเครื่องมือช่วยในการตัดสินใจ
-       ด้วยการเข้าถึงข้อมูลที่ง่าย สะดวก และรวดเร็ว ทำให้มีช่องทางการดำเนินธุรกิจและกิจกรรมต่างๆ
-       หน่วยงานหรือองค์กรจะมีขนาดเล็กลง แต่จะปรับเปลี่ยนลักษณะของการเชื่อมโยง


1.5   ผลกระทบจากการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
-       พฤติกรรมเลียนแบบจากเกมที่ใช้ความรุนแรง อาจก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมได้
-       การใช้ชีวิตของสังคมเมืองเปลี่ยนไป ทำให้การพบปะของผู้คนลดน้อยลง
-       การเข้าถึงข้อมูลบนระบบเครือข่ายที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว ทำให้เกิดช่องทางการโจรกรรมเพิ่มมากขึ้น
-       ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ทำให้การผลิตของผิดกฎหมายและละเมิดลิขสิทธิ์เพิ่มมากขึ้น
-       การส่งต่อข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางต่างๆ บนระบบเครือข่าย เช่น ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-mail) เฟสบุ๊ก (facebook) ถ้าผู้ส่งไม่ระมัดระวังอาจเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้
-       เมื่อเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารพัฒนาเพิ่มมากขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่มีมาตรการการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ก็จะเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตได้


1.6   อาชีพที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
-    นักเขียนโปรแกรมหรือโปรแกรมเมอร์ (programmaer) ทำหน้าที่เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้ทำงานได้ตามที่ต้องการ
-   นักวิเคราะห์ระบบ (system analyst) ทำหน้าที่ศึกษา วิเคราะห์ และพัฒนาระบบสารสนเทศ โดยออกแบบให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน
-   ผู้ดูแลและบริหารฐานข้อมูล (database administrator) ทำหน้าที่บริหารจัดการฐานข้อมูล และดูแลความปลอดภัยของข้อมูล ประสานงาน
-   ผู้ดูแลและบริหารระบบเครือข่าย (network administrator) ทำหน้าที่บริหารจัดการระบบเครือข่าย และดูแลความปลอดภัยระบบเครือข่าย
-   ผู้พัฒนาและบริหารระบบเว็บไซด์ (webmaster) ทำหน้าที่ดูแลและคอยควบคุมทิศทางของเว็บไซด์
-   เจ้าหน้าที่เทคนิค (technician) ทำหน้าที่ดูแลรักษาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทั้งทางด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์



วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2556

It's me...


ชื่อ : นางสาว สุธิตา  สุขสมรัมภ์
ชื่อเล่น : ออย ^^
ชั้น : ม.4/3 
เลขที่ : 23
เลขประจำตัว : 28491
เกิด : วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ.2540
ที่อยู่ : 37/3 หมู่ 1 ต.แคออก อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา 13190
Facebook : Suthita  Suksomrum
Line ID : oilstt
กำลังศึกษาที่ : โรงเรียนจอมสุรางค์อุปถัมภ์
ความใฝ่ฝัน : แพทย์ นักกีฬา นักดนตรี
คติที่ชื่นชอบ : "ความรักไม่เคยเลือกเวลาที่จะมา และเวลาที่มันจากไป..."   Cr.cuttO