ข้อมูลและสารสนเทศ
1.) ข้อมูล (Data)
หมายถึง ข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นหรือมีลักษณะหลายอย่างผสมผสานเข้าด้วยกัน
2.) สารสนเทศ (Information)
หมายถึง ข้อมูลต่างๆ ที่ผ่านการประมวลผลแล้ว ซึ่งถูกต้องแม่นยำและตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน
3.) ลักษณะของข้อมูลที่ดี
ข้อมูลที่ดีจะต้องเป็นข้อมูลที่มีคุณภาพ มีความสมบรูณ์ในระดับที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน โดยข้อมูลที่ดีควรมีลักษณะดังนี้
- มีความถูกต้องแม่นยำ
- มีความสมบรูณ์ครบถ้วน
- ถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นปัจจุบัน
- ความสอดคล้องของข้อมูล
4.) ชนิดและลักษณะของข้อมูล
ข้อมูลที่ใช้ในการประมวลผลแบ่งออกเป็ 2 ชนิด ได้แก่
1.) ข้อมูลที่เป็นตัวเลข (Numeric data) คือ ข้อมูลที่ใช้แทนจำนวนที่สามารถนำไปคำนวณได้
ซึ่งเขียนได้หลายรูปแบบ คือ
- เลขจำนวนเต็ม คือ ตัวเลขที่ไม่มีจุดทศนิยม
- เลขทศนิยม คือ ตัวเลขที่มีจุดมศนิยม ซึ่งอาจมีค่าเป็นจำนวนเต็ม หรือจำนวนที่มีเศษ
เป็นทศนิยมก็ได้ เลขทศนิยมแบบนี้สามารถเขียนได้ 2 แบบ คือ
1.) แบบที่ใช้ทั่งไป
2.) แบบที่ใช้งานวิทาศาสตร์ หรือสัญกรณ์วิทยาศาสตร์
2.) ข้อมูลที่เป็นตัวอักขระ (Character data)
คือ ข้อมูลที่เป็นตัวอักษรและไม่สามารถนำไปคำนวณได้ แต่นำมาเรียงต่อกันให้มีความหมายได้
5.) ประเภทของข้อมูล
สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆได้ ดังนี้
- ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary data) คือ ข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมหรือบันทึกจากแหล่งข้อมูล
โดยตรง ซึ่งไม่ได้คัดลอกจากบุคคลอื่น ข้อมูลที่ได้จะมีความถูกต้อง ทันสมัย และเป็นปัจจุบัน
มากกว่าข้อมูลทุติยภูมิ
- ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary data) คือ ข้อมูลที่มีผู้รวบรวมหรือเรียบเรียงไว้แล้ว ซึ่งเป็นข้อมูล
สารสนเทศที่สามารถนำมาใช้อ้างอิงได้
กระบวนการจัดการสารสนเทศ
สามารถแบ่งออกเป็น 4 ปะเภทใหญ่ๆ คือ
1.) การรวบรวมและตรวจสอบข้อมูล
- การรวบรวมข้อมูล เป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินงาน ซึ่งใช้เทคโนโลยีช่วยในการจัดเก็บ
ข้อมูล
- การตรวจสอบข้อมูล เมื่อมีการรวบรวมข้อมูล ก็จำเป็นต้องมีการตรวจสอบข้อมูลเพื่อความ
ถูกต้อง ซึ่งหากพบความผิดพลาดก็ต้องแก้ไขโดยอาจใช้สายตาของมนุษย์หรือใช้
คอมพิวเตอร์ช่วยตรวจสอบ
2.) การประมวลผลข้อมูล
- การจัดกลุ่มข้อมูล ข้อมุลที่จัดเก็บควรจัดกลุ่มเป็นหมวดหมู่ที่ชัดเจน เพื่อเตรียมไว้สำหรับ
การใช้งานต่อไป
- การจัดเรียงข้อมูล เมื่อจัดกลุ่มเป็นหมวดหมู่แล้ว ก็ควรจักเรียงข้อมูลที่มีความสำคัญตาม
ลำดับตัวเลขหรืออักขระ เพื่อสะดวกและประหยัดเวลาในการค้นหาข้อมูล
- การสรุปผลข้อมูล หลังจากจัดเรียงลำดับความสำคัญของข้อมูลต่างๆ แล้ว ก็ควรสรุปข้อมูล
เหล่านั้นให้กระชับและได้ใจความสำคัญ เพื่อรอการนำไปใช้ประโยขน์ต่อไป
3.) การจัดเก็บและดูแลรักษาข้อมูล
ประกอบด้วยขั้นตอน ดังนี้
- การเก็บรักษาข้อมูล การนำข้อมูลที่ประมวลผลแล้วมาบันทึกเก็บไว้ในสื่อบันทึก
ข้อมูลต่างๆ
- การทำสำเนาข้อมูล การคัดลอกข้อมูลจากต้นฉบับเพื่อเก็บรักษา หากข้อมูลต้นฉบับ
เสียหาย ก็สามารถนำข้อมูลที่สำเนาไว้มาใช้ได้ในทันที
4.) การแสดงผลข้อมูล
- การสื่อสารและเผยแพร่ข้อมูล เป็นเรื่องสำคัญและมีบมบามอย่างมาก เพราะหากได้รับ
ข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็วและทันเวลา ผู้ใช้งานก็สามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ได้เต็ม
ศักยภาพ ทั้งนี้การสื่อสารและเผยแพร่ข้อมูลก็จะต้องมีประสิทธิภาพด้วย
- การปรับปรุงข้อมูล หลังจากที่ได้เผยแพร่ข้อมูลไปแล้ว ก็ควรมีการติดตามผลตอบกลับ
(Feedback) เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับปรุงแก้ไขให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลาและควรจักเก็บ
อย่างเป็นระบบเพื่อง่ายต่อการใช้งาน
ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์
1.) ระบบเลขฐานสอง
การสื่อสารกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บข้อมูลหรือการสั่งงานจะต้องอาศัยระบบ เลขฐานสอง เนื่องจากคอมพิวเตอร์ทำงานด้วยสัญญาณไฟฟ้าโดยแทนตัวเลข 0 และ 1 โดยแต่ละหลักจะเรียกว่า "บิต" (Binary digit : Bit) และเมื่อนำตัวเลขหลายๆบิตมาเรียงต่อกัน [8บิต(Bit) = 1 ไบต์(Byte)]
จะใช้สร้างรหัสแทนจำนวน อักขระ สัญลักษณ์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้
2.) รหัสแทนข้อมูล
เพื่อให้การแลกเปลี่ยนข้อความระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์เป็นไปในแนวเดียวกัน จึงมีการกำหนดมาตรฐานรหัสแทนข้อมูลในระบบเลขฐานสองขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
- รหัสแอสกี (American standard code information interchange : ASCII)
เป็นรหัสแทนข้อมูลด้วยเลขฐานสองจำนวน 8 บิต หรือ 1 ไบต์ แทนอักขระหรือสัญลักษณ์
แต่ล่ะตัว ซึ่งหมายความว่าการแทนอักขระแต่ละตัวจะประกอบด้วยตัวเลขฐานสอง 8 บิตเรียงกัน
- รหัสยูนิโค้ด (Unicode) เป็นรหัสแทนข้อมูลด้วยตัวเลขฐานสองจำนวน 16 บิต เนื่องจาก
ตัวอักษรบางประเภทเป็นตัวอักษรแบบรูปภาพ
3.) การจัดการข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์
ในการจัดเก็บข้อมูลไว้ในสื่อบันทึกต่างๆ จะต้องกำหนดนูปแบบหรือโครงสร้างของข้อมูล เพื่อให้ผู้ใช้งานและคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ตรงกัน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
- บิต (Bit) คือ ตัวเลขหลักใดหลักหนึ่งในระบบเลขฐานสอง (0 กับ 1) ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุด
ของข้อมูล
- ตัวอักขระ (Character) คือ ตัวเลข ตัวอักษร หรือเครื่องหมายใดๆ โดยตัวอักขระแต่ละตัวจะใช้
เลขฐานสองจำนวน 8 บิต หรือ 1 ไบต์ ในการแทนข้อมูล
- เขตข้อมูล(Field) คือ ข้อมูลที่เป็นตัวอักขระเรียงต่อกัน เพื่อแทนความหมายใด
ความหมายหนึ่ง
- ระเบียบข้อมูล (Record) คือ กลุ่มของเขตข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องกัน ตั้งแต่ 1 เขตข้อมูล
ขึ้นไป
- แฟ้มข้อมูล (File) คือ กลุ่มของระเบียนข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กัน ตั้งแต่หนึ่งระเบียนขึ้นไป
- ฐานข้อมูล (Database) เป็นที่รวบรวมแฟ้มข้อมูลหลายๆ แฟ้มเข้าด้วยกัน ซึ่งจะต้องมัความ
สัมพันธ์กันโดยใช้ข้อมูลที่เหมือนกันเป็นตัวเชื่อมระหว่างกัน
จริยธรรมในการใช้ข้อมูล
ประเด็นต่างๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับจริยธรรมในการใช้ข้อมูล มีดังนี้
1.) ความเป็นส่วนตัว (Privacy)
ก่อนที่จะเผยแพร่ข้อมูลทุกครั้งต้องคำนึงถึงข้อมูลที่มีความเป็นส่วนตัวสูง หากข้อมูลเหล่านี้
ถูกพวกมิจฉาชีพนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ก็จะสร้างความเดือดร้อนให้แก่เจ้าของข้อมูล
2.) ความถูกต้อง (Accuracy)
ก่อนที่จะเผยแพร่ข้อมูลใดๆ ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลนั้นเสียก่อน เพราะถ้าผู้รับ
ข้อมูลที่ผิด ฏ้ไม่สามรถนำข้อมูลนั้นไปใช้ประโยชน์อะไรได้เลย ซึ่งจะทำให้เสียเวลาในการ
ค้นหาใหม่
3.) ความเป็นเจ้าของ (Property)
การละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพยฝืสินทางปัญญา จะทำให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจต่อเจ้า
ของข้อมูล ผู้ใช้จึงควรระมัดระวังในการนำข้อมูลต่างๆ มาใช้งาน ว่าได้รับอนุญาตจากเจ้าของ
ข้อมูลหรือไม่ ซึ่งหากละเมิดลิขสิทธิ์ก็จะมีความผิดทางกฏหมาย
4.) การเข้าถึงข้อมูล (Accessibility)
การใช้งานคอมพิวเตอร์มักมีการกำหนดสิทธิตามระดับผู้ใช้ ก็เพื่อป้องกันและรักาาความลับ
ของข้อมูล ซึ่งการเข้าถึงข้อมูลของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือว่าเป็นการผิดจริยธรรม
เช่นเดียวกับการละเมิดข้อมูลส่วนตัว
หมายถึง ข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นหรือมีลักษณะหลายอย่างผสมผสานเข้าด้วยกัน
2.) สารสนเทศ (Information)
หมายถึง ข้อมูลต่างๆ ที่ผ่านการประมวลผลแล้ว ซึ่งถูกต้องแม่นยำและตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน
3.) ลักษณะของข้อมูลที่ดี
ข้อมูลที่ดีจะต้องเป็นข้อมูลที่มีคุณภาพ มีความสมบรูณ์ในระดับที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน โดยข้อมูลที่ดีควรมีลักษณะดังนี้
- มีความถูกต้องแม่นยำ
- มีความสมบรูณ์ครบถ้วน
- ถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นปัจจุบัน
- ความสอดคล้องของข้อมูล
4.) ชนิดและลักษณะของข้อมูล
ข้อมูลที่ใช้ในการประมวลผลแบ่งออกเป็ 2 ชนิด ได้แก่
1.) ข้อมูลที่เป็นตัวเลข (Numeric data) คือ ข้อมูลที่ใช้แทนจำนวนที่สามารถนำไปคำนวณได้
ซึ่งเขียนได้หลายรูปแบบ คือ
- เลขจำนวนเต็ม คือ ตัวเลขที่ไม่มีจุดทศนิยม
- เลขทศนิยม คือ ตัวเลขที่มีจุดมศนิยม ซึ่งอาจมีค่าเป็นจำนวนเต็ม หรือจำนวนที่มีเศษ
เป็นทศนิยมก็ได้ เลขทศนิยมแบบนี้สามารถเขียนได้ 2 แบบ คือ
1.) แบบที่ใช้ทั่งไป
2.) แบบที่ใช้งานวิทาศาสตร์ หรือสัญกรณ์วิทยาศาสตร์
คือ ข้อมูลที่เป็นตัวอักษรและไม่สามารถนำไปคำนวณได้ แต่นำมาเรียงต่อกันให้มีความหมายได้
5.) ประเภทของข้อมูล
สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆได้ ดังนี้
- ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary data) คือ ข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมหรือบันทึกจากแหล่งข้อมูล
โดยตรง ซึ่งไม่ได้คัดลอกจากบุคคลอื่น ข้อมูลที่ได้จะมีความถูกต้อง ทันสมัย และเป็นปัจจุบัน
มากกว่าข้อมูลทุติยภูมิ
- ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary data) คือ ข้อมูลที่มีผู้รวบรวมหรือเรียบเรียงไว้แล้ว ซึ่งเป็นข้อมูล
สารสนเทศที่สามารถนำมาใช้อ้างอิงได้
กระบวนการจัดการสารสนเทศ
สามารถแบ่งออกเป็น 4 ปะเภทใหญ่ๆ คือ
1.) การรวบรวมและตรวจสอบข้อมูล
- การรวบรวมข้อมูล เป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินงาน ซึ่งใช้เทคโนโลยีช่วยในการจัดเก็บ
ข้อมูล
- การตรวจสอบข้อมูล เมื่อมีการรวบรวมข้อมูล ก็จำเป็นต้องมีการตรวจสอบข้อมูลเพื่อความ
ถูกต้อง ซึ่งหากพบความผิดพลาดก็ต้องแก้ไขโดยอาจใช้สายตาของมนุษย์หรือใช้
คอมพิวเตอร์ช่วยตรวจสอบ
2.) การประมวลผลข้อมูล
- การจัดกลุ่มข้อมูล ข้อมุลที่จัดเก็บควรจัดกลุ่มเป็นหมวดหมู่ที่ชัดเจน เพื่อเตรียมไว้สำหรับ
การใช้งานต่อไป
- การจัดเรียงข้อมูล เมื่อจัดกลุ่มเป็นหมวดหมู่แล้ว ก็ควรจักเรียงข้อมูลที่มีความสำคัญตาม
ลำดับตัวเลขหรืออักขระ เพื่อสะดวกและประหยัดเวลาในการค้นหาข้อมูล
- การสรุปผลข้อมูล หลังจากจัดเรียงลำดับความสำคัญของข้อมูลต่างๆ แล้ว ก็ควรสรุปข้อมูล
เหล่านั้นให้กระชับและได้ใจความสำคัญ เพื่อรอการนำไปใช้ประโยขน์ต่อไป
3.) การจัดเก็บและดูแลรักษาข้อมูล
ประกอบด้วยขั้นตอน ดังนี้
- การเก็บรักษาข้อมูล การนำข้อมูลที่ประมวลผลแล้วมาบันทึกเก็บไว้ในสื่อบันทึก
ข้อมูลต่างๆ
- การทำสำเนาข้อมูล การคัดลอกข้อมูลจากต้นฉบับเพื่อเก็บรักษา หากข้อมูลต้นฉบับ
เสียหาย ก็สามารถนำข้อมูลที่สำเนาไว้มาใช้ได้ในทันที
4.) การแสดงผลข้อมูล
- การสื่อสารและเผยแพร่ข้อมูล เป็นเรื่องสำคัญและมีบมบามอย่างมาก เพราะหากได้รับ
ข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็วและทันเวลา ผู้ใช้งานก็สามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ได้เต็ม
ศักยภาพ ทั้งนี้การสื่อสารและเผยแพร่ข้อมูลก็จะต้องมีประสิทธิภาพด้วย
- การปรับปรุงข้อมูล หลังจากที่ได้เผยแพร่ข้อมูลไปแล้ว ก็ควรมีการติดตามผลตอบกลับ
(Feedback) เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับปรุงแก้ไขให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลาและควรจักเก็บ
อย่างเป็นระบบเพื่อง่ายต่อการใช้งาน
ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์
1.) ระบบเลขฐานสอง
การสื่อสารกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บข้อมูลหรือการสั่งงานจะต้องอาศัยระบบ เลขฐานสอง เนื่องจากคอมพิวเตอร์ทำงานด้วยสัญญาณไฟฟ้าโดยแทนตัวเลข 0 และ 1 โดยแต่ละหลักจะเรียกว่า "บิต" (Binary digit : Bit) และเมื่อนำตัวเลขหลายๆบิตมาเรียงต่อกัน [8บิต(Bit) = 1 ไบต์(Byte)]
จะใช้สร้างรหัสแทนจำนวน อักขระ สัญลักษณ์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้
เพื่อให้การแลกเปลี่ยนข้อความระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์เป็นไปในแนวเดียวกัน จึงมีการกำหนดมาตรฐานรหัสแทนข้อมูลในระบบเลขฐานสองขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
- รหัสแอสกี (American standard code information interchange : ASCII)
เป็นรหัสแทนข้อมูลด้วยเลขฐานสองจำนวน 8 บิต หรือ 1 ไบต์ แทนอักขระหรือสัญลักษณ์
แต่ล่ะตัว ซึ่งหมายความว่าการแทนอักขระแต่ละตัวจะประกอบด้วยตัวเลขฐานสอง 8 บิตเรียงกัน
ตัวอักษรบางประเภทเป็นตัวอักษรแบบรูปภาพ
ในการจัดเก็บข้อมูลไว้ในสื่อบันทึกต่างๆ จะต้องกำหนดนูปแบบหรือโครงสร้างของข้อมูล เพื่อให้ผู้ใช้งานและคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ตรงกัน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
- บิต (Bit) คือ ตัวเลขหลักใดหลักหนึ่งในระบบเลขฐานสอง (0 กับ 1) ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุด
ของข้อมูล
- ตัวอักขระ (Character) คือ ตัวเลข ตัวอักษร หรือเครื่องหมายใดๆ โดยตัวอักขระแต่ละตัวจะใช้
เลขฐานสองจำนวน 8 บิต หรือ 1 ไบต์ ในการแทนข้อมูล
- เขตข้อมูล(Field) คือ ข้อมูลที่เป็นตัวอักขระเรียงต่อกัน เพื่อแทนความหมายใด
ความหมายหนึ่ง
- ระเบียบข้อมูล (Record) คือ กลุ่มของเขตข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องกัน ตั้งแต่ 1 เขตข้อมูล
ขึ้นไป
- แฟ้มข้อมูล (File) คือ กลุ่มของระเบียนข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กัน ตั้งแต่หนึ่งระเบียนขึ้นไป
- ฐานข้อมูล (Database) เป็นที่รวบรวมแฟ้มข้อมูลหลายๆ แฟ้มเข้าด้วยกัน ซึ่งจะต้องมัความ
สัมพันธ์กันโดยใช้ข้อมูลที่เหมือนกันเป็นตัวเชื่อมระหว่างกัน
จริยธรรมในการใช้ข้อมูล
ประเด็นต่างๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับจริยธรรมในการใช้ข้อมูล มีดังนี้
1.) ความเป็นส่วนตัว (Privacy)
ก่อนที่จะเผยแพร่ข้อมูลทุกครั้งต้องคำนึงถึงข้อมูลที่มีความเป็นส่วนตัวสูง หากข้อมูลเหล่านี้
ถูกพวกมิจฉาชีพนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ก็จะสร้างความเดือดร้อนให้แก่เจ้าของข้อมูล
2.) ความถูกต้อง (Accuracy)
ก่อนที่จะเผยแพร่ข้อมูลใดๆ ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลนั้นเสียก่อน เพราะถ้าผู้รับ
ข้อมูลที่ผิด ฏ้ไม่สามรถนำข้อมูลนั้นไปใช้ประโยชน์อะไรได้เลย ซึ่งจะทำให้เสียเวลาในการ
ค้นหาใหม่
3.) ความเป็นเจ้าของ (Property)
การละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพยฝืสินทางปัญญา จะทำให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจต่อเจ้า
ของข้อมูล ผู้ใช้จึงควรระมัดระวังในการนำข้อมูลต่างๆ มาใช้งาน ว่าได้รับอนุญาตจากเจ้าของ
ข้อมูลหรือไม่ ซึ่งหากละเมิดลิขสิทธิ์ก็จะมีความผิดทางกฏหมาย
4.) การเข้าถึงข้อมูล (Accessibility)
การใช้งานคอมพิวเตอร์มักมีการกำหนดสิทธิตามระดับผู้ใช้ ก็เพื่อป้องกันและรักาาความลับ
ของข้อมูล ซึ่งการเข้าถึงข้อมูลของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือว่าเป็นการผิดจริยธรรม
เช่นเดียวกับการละเมิดข้อมูลส่วนตัว
.......................................................................................................................
คำถาม
1.ลักษณะของข้อมูลที่ดีควรเป็นอย่างไร ?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น